วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

ลิขิตเทวะ ตอนที่ 25




เช้าวันที่สดใสอีกวัน
ทุกอย่างในเมืองกาญจน์นครดำเนินไปตามปกติ

อีรอส เภตรา ฟ้าระดา และศรา
ต่างก็มาฝึกฝีมือในการควบคุมพลัง
มีเพียงทิวากาญจน์ที่ยังเจ็บปวดกับความลับ
และจันทราที่ไม่ถนัดใช้กำลังก็พักในห้องตัวเอง

ส่วนบริเวณหาดใกล้ๆค่ายทหาร
ปีศาจดาราที่คอยสอดส่องอัคนีอยู่ใกล้
นางคิดว่า คงไม่มีประโยชน์ที่จะด้อมๆมองๆ
นางจำต้องยอมสละพลังมืดทั้งหมด
เพื่อใช้ชีวิตตามปกติเดิม
เพราะไม่เห็นว่ามีพลังแล้วจะทำอะไรได้

แต่การจะเอาพลังมืดออกนั้น
คนที่ถูกมนต์ดำครอบครองต้องตาย
และยอมสละร่างกายที่สกปรก
เพื่อคืนสู่ร่างใหม่
แต่จะกลับไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับจะเลือกเอง

ดาราจึงนำเอาหนังสือแห่งมนต์ดำนั้นฝังลงดิน
แล้วนางก็วิ่งลงทะเลอย่างเร็ว
ร่างกายของนางก็ค่อยๆสลายๆเป็นธุลีดิน
ล่องลอยออกไปตามกระแสคลื่น

แล้ววิญญาณของนางก็ต้องมารับบาป
ในแดนคนตาย
เจ้าขุมนรกพานางไปทรมาน
ให้ดาราได้เห็นว่าตนเองทำอะไรกับคนอื่นบ้าง
นางทุกข์ทรมาน
แต่ก็จำต้องฝืนทน
เพื่อชดใช้กรรมที่นางทำ

แต่...
เถ้าธุลีของนาง
ย้อนกลับมากองรวมกันริมหาด
อัคนีที่กำลังเรียกวิญญาณดารากลับมา
วิญญาณของดาราทุรนทุราย
เพื่อหาทางกลับร่าง
เถ้าร่างกายของดาราและวิญญาณของนาง
กำลังผนวกรวมกัน

วิญญาณดาราไม่ยอมกลับร่าง
ด้วยแรงพลังจากอัคนีและความตั้งใจของดาราที่จะล้างบาป
ทำให้วิญญาณนางฉีกขาดออกเป็นสองส่วน
ส่วนหนึ่งกลับเข้าร่างเดิม
แต่อีกส่วนยังอยูในแดนนรกนั้น

อัคนีพยายามเรียกอีกส่วนมา
แต่ไม่เป็นผล
ร่างกายของนางจึงมีวิญญาณแค่ครึ่งเดียว
และครึ่งนั้นคือ ส่วนที่มีมนต์ดำ
ทำให้นางได้กลายเป็นปีศาจจนไม่เหลือความเป็นคน
ดาราที่ได้กลับมาเมื่อเห็นอัคนีอยู่ตรงหน้า
ก็จะฆ่าอัคนีทันที
นางยังเป็นนักฆ่ามือใหม่ และฝีมือยังอ่อนหัด
จึงถูกอัคนีจับยัดลงกล่องเงิน

นรกาฬที่เห็นพิธีกรรมของอัคนี
ก็อยากจะมีพลังบ้าง
แต่อัคนีบอกไปปัดว่าเขาไม่สมควรจะมีพลัง
ยิ่งทำให้นรกาฬนึกเคียดแค้นอัคนีเป็นรอบที่สอง
นรกาฬก็ได้แต่มองดูอัคนีเดินจากไป

ทิวากาญจน์พอจะคลายทิฐิลงบ้าง
ก็ออกมาฝึกพลังกับเพื่อนๆที่ท้ายเมือง
อีรอสที่กำลังสอนศราอย่างูๆปลาๆ
เพื่อให้บังคับพลังของตนเองได้
ทิวากาญจน์มาเห็นเข้าก็บอกไปว่า
"ฝืนทำอย่างไรก็ไม่ได้ผลหรอก
พลังของแต่ละคนมีเหตุผลต่างกัน
เราทุกคนไม่ได้เกิดมาเหมือนกันหมด
ลองนึกดูว่าตัวเองสำคัญกับอะไร"

อีรอสนึกได้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อ "ความหวัง"
อีรอสจึงถามทิวากาญจน์
ถึงการควบคุมพลังลูกปัดปฐพี
ทิวากาญจน์ก็บอกไปตามตรงว่า
ตนเองนึกถึง "ความแข็งแกร่ง"
ศราก็ถึงบางอ้อในทันที

แต่ว่าศรายังไม่ค้นพบขุมพลังตัวเองเลย
ทิวากาญจน์ที่นึกว่าศราเป็นพี่ชายตน
ก็เข้าไปปลอบให้มีความหวังในการฝึก
ดูท่าทางทิวากาญจน์จะใกล้ชิดศรามากขึ้นกว่าเดิม
ศรายิ้มดีอกดีใจ ที่ได้กำลังใจมากมาย

พอทิวากาญจน์สังเกตเพื่อน
จึงรู้ว่าจันทราไม่ได้ออกมาด้วย
ฟ้าระดาจึงอาสาไปพาจันทรามา

ทิวากาญจน์ทดสอบพลังให้เพื่อนดู
ด้วยการทำให้กองดินกลายเป็นยักษ์เหมือนตอนทำศึก
ทิวากาญจน์ยังทำแผ่นดินไหว จนกระทั่งแผ่นดินแยก
แม้แต่ภูเขาก็ยังเปลี่ยนที่ได้
ศราเห็นพัฒนาการของทิวากาญจน์ก้าวหน้ากว่าตน
จึงคิดจะเอาเป็นแบบอย่างบ้าง

ฟ้าระดากลับมาที่ฝึกพลังพร้อมจันทรา
ศราจึงบอกจันทราถึงการควบคุมพลังนั่น
เพราะศรารู้ว่าจันทราใช้พลังลูกปัดธาราทำอะไรได้
"ความอ่อนโยน"
ศราสังเกตเห็นความอ่อนโยนของจันทรา
ในตอนที่หัวของเภตรากระแทกหิน
แล้วหยดน้ำตานั่นช่วยชุบชีวิตเภตรา
ฟ้าระดาก็พอจำได้ว่าตอนนั้นคิดอะไร

เมื่อเภตรารู้ว่าคนที่ชุบชีวิตตัวเองคือจันทรา
ก็ยิ่งทำให้เภตราหลงรักจันทรามากขึ้น
แต่ก็ยิ่งเก็บความลับไว้กับตัวเองมากขึ้น

ฟ้าระดารู้สึกว่าตัวเองกำลังไม่มีบทบาทกับเพื่อน
ก็แทรกขึ้นมาหน้าตาเฉย
"แล้วไอ้พลังจากตาฉัน
จะทำยังไงดี ควักทิ้งดีไหม"
เพื่อนๆนิ่งสักครู่ แล้วทุกคนหัวเราะขึ้นมา
ทิวากาญจน์จึงพูดหยอกให้ฟ้าระดาลงมือเลย
ฟ้าระดายิ้มพร้อมกับจะไล่เตะทิวากาญจน์
ส่วนทิวากาญจน์ก็วิ่งหลบเท้าฟ้าระดา
เพื่อนๆพากันหัวเราะร่วน

ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกกัน
อัคนีโผล่มา
"แหม มาฝึกพลังกันตรงนี้ก็ไม่ชวน
ข้าก็มีลูกปัดอัคคีเหมือนกัน"
อัคนีหัวเราะได้ใจ

ฟ้าระดาซัดฝีปากไป
"เมียตายแล้วหรอ
จึงมาหาเรื่องชาวบ้านเขา"
อัคนีนึกไม่ถึงว่าฟ้าระดาจะปากจัดได้ขนาดนี้
จึงเอากล่องเงินออกมา
พร้อมกับเปิดฝากล่อง
"ฝากจัดการเมียข้าด้วยล่ะ"
อัคนีหัวเราะแล้วก็เดินหนีจากไป
ทิ้งให้ดาราจัดการกับกองกำลังลูกปัดกับเหล่าคนแปลกถิ่น

จันทราที่เห็นดาราก็วิ่งพรูเข้าไปกอด
แต่กลับโดนดาราปัดจันทราออกไป
กระแทกกับต้นไม้จนสลบ
เภตราวิ่งมาดูจันทรา
ส่วนฟ้าระดาก็วิ่งกรูเข้าหาดาราพร้อมดาบธรรมดาๆ
ก็โดนดาราปัดกระเด็นไปอีกฝั่งและสลบเหมือดไปเหมือนกัน
ศราก็วิ่งมาดูอาการฟ้าระดา

ทิวากาญจน์เห็นเพื่อนสลบไปแล้วสองคน
ก็ควบคุมแผ่นดินให้แยก
เพื่อให้ดาราตกลงไปแต่ไม่ได้ผล
ดารากลับใช้มนต์ดำแทรกตัวไปกับพื้นดินนั่น
สูบเอาตัวทิวากาญจน์จมลงดิน
เหลือเพียงหัวที่โผล่เหนือพื้นดิน
ดาราก็สลายตัวเป็นควัน
พุ่งเข้าปากของทิวากาญจน์

ใบหน้าทิวากาญจน์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ
อีรอสจึงสลายตัวพุ่งเข้าไปในปากทิวากาญจน์เช่นกัน
ใบหน้าทิวากาญจน์ก็สลับขาวสลับดำ
แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ของดาราและอีรอส
ทิวากาญจน์ทรมานอย่างมาก
ไม่อาจจะต้านพลังได้นาน
อีรอสเห็นเพื่อนกำลังหมดสติ
ทั้งผลักทั้งดึงให้ดาราออกมาจากร่างกายของทิวากาญจน์

อีรอสผลักดาราออกมาได้
ศราจึงเข้าไปสู้กับดารา
ศราไม่อาจจะเสียเพื่อนไปได้
ก็เรียกลม เรียกพายุ เรียกฝนมาปั่นป่วนดารา
อีรอสและเภตราจึงพาเพื่อนที่บาดเจ็บหนีไป
โดยไม่รู้ว่าทิ้งให้ศราสู้กับดาราเพียงลำพัง

นางปีศาจใช้แผนการเดิม
กลายสภาพตนเป็นควันพุ่งเข้าร่างกาย
ศราที่ควบคุมพลังตัวเองไม่ได้
ทั้งยังโดนปีศาจควบคุมร่างกาย
ทำให้สายฟ้ากระหน่ำเปรี้ยงลงที่ตัวศราที่เดียว
ศราที่ทนความเจ็บปวดไม่ไหว
ก็ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
วิญญาณของศราล่องลอยไปยังแดนตาย

เมื่อนางปีศาจดารากำจัดศัตรูได้
ก็ถอยกำลังหนีไปอย่างไม่มีจุดหมาย

อีรอสที่เพิ่งนึกได้ว่าศรายังอยู่สนามฝึกฝีมือ
อีรอสจึงรีบบินมาช่วยศรา
แต่สายไปแล้ว
ร่างของศราค่อยๆปลิวลงมาจากฟ้า
อีรอสโผบินไปรับร่างของศราอย่างเศร้าใจ




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น