วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

ลิขิตเทวะ ตอนที่ 13





ทุกสรรพสิ่งย่อมมีชะตากรรมของมันเอง 
เราก็ต้องไปตามชะตากรรมของเรา 
เดินทางไปสู่จุดหมายให้ได้ เพื่อจะได้สิ้นสุดชะตากรรมที่ลำบากมา 
แม้ว่าอุปสรรคทุกอย่างจะพ้นไปแล้ว 
แต่ก็ไม่ควรวางใจสิ่งใดๆทั้งสิ้น 
เพราะชะตากรรมเรายังไม่จบ ต้องยืดชะตากรรมนั้นออกไป


เมืองบรรพตคีรีนคร นครแห่งขุนเขา 
จันทรา และดารา ต่างก็ขอขอบคุณในน้ำใจของนักเดินทางทั้งสาม 
จันทรา จึงขอให้ทั้งสามคนอยู่พักที่เมืองนี้เสียก่อนออกเดินทาง 
ศรา และทิวากาญจน์ เห็นว่าจะใช้เวลาที่เหนื่อยมาพักผ่อนให้เต็มที่ 
ฟ้าระดาเองก็จะได้พยายามหาหนทางกลับสู่โลกตนเอง 

ระหว่างที่ ทิวากาญจน์ ศรา และ ฟ้าระดา 
จึงอาศัยอยู่ในบรรพตคีรีนคร 
ดาราได้วางแผนให้จันทรา ได้สมหวังกับ ทิวากาญจน์ 
จึงให้นางข้าหลวงออกนอกเมือง 
ไปเสาะหาไสยเวทย์มาให้ตน 

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ 
ทิวากาญจน์ และศรา ก็เข้าห้องนอน 
ฟ้าระดาก็แอบออกมาจากห้องของตน 
และรีบวิ่งไปที่ถ้ำมรกต 
พยายามคิดหาหนทางนำของวิเศษไปวางบนแท่นหิน 

ในฉับพลัน
นางก็เกิดความคิดหนุึ่งแว็บขึ้นมา
นางเอากิ่งไม้ทองคำจุ่มลงไปในน้ำสีเขียวนั่น 
แล้วน้ำในสระนั้นก็กลายเป็นดิน 
นางดีใจมาก แต่นางหารู้ไม่ว่าดินนั้นเป็นทรายดูด 
เมื่อนางก้าวเท้าลงเหยียบบนทรายดูด 
เท้าของนางก็ถูกดูดลงไปในทรายนั้น 
โชคยังเข้าข้างนาง ที่นางถอนเท้าออกมาทัน 
ฟ้าระดาก็ไม่รู้จะหาหนทางอย่างไรต่อไป 
นางจึงกลับห้อง 
โดยไม่รู้ว่า ศรา ได้แอบติดตามนางมาที่ถ้ำมรกตด้วย 

นางข้าหลวงที่ออกไปตามหาตำราไสยเวทย์ 
กลับมามอบตำราเล่มนั้นให้ดารา 
และนางข้าหลวงก็ได้กำชับว่า 
ห้ามให้ตำรานี้อยู่ไกลจากผู้ถือ 
สิ้นสุดคำบอก 
นางข้าหลวงคนนั้นก็กลายเป็น
ผงขี้เถ้าในทันทีที่หนังสือถูกส่งไปยังมือของดารา 

ดาราไม่นึกเสียใจ 
กลับดีใจที่ตนได้เป็นผู้ครอบครองตำราไสยเวทย์ 
นางก็ได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อศึกษาตำรา 
แทบจะไม่ได้สนใจจันทราเหมือนเช่นแต่ก่อน 
จันทราเองก็ห่วงดารา 
คอยเคาะประตูถามอยู่ทุกชั่วยาม 
กลัวว่าดาราจะเป็นอะไรไป 
และเพียงสองวันสองคืน ดาราก็อ่านตำราได้อย่างทะลุปรุโปร่ง 
และได้ซ่อนตำรานั้นไว้กับตน
ทุกๆการกระทำของดารา 
จันทราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดารา 

ศรา ก็นำเรื่องราว ที่ฟ้าระดาทำหลบๆซ่อนๆ 
ไปบอกทิวากาญจน์ 
พอตกกลางคืน ทิวากาญจน และ ศรา 
จึงสะกดรอยตามฟ้าระดา ไปยังถ้ำมรกต 
ฟ้าระดาก็เห็นว่าปลอดคน 
นางจึงคิดหาทางกลับโลกอีกครั้ง 
และแล้ว ทิวากาญจน์ และศราก็โผล่ออกมา 
ฟ้าระดาตกใจ และยอมรับผิดที่ไม่บอกกล่าวกับทั้งสองคน 
และพวกเขาก็พยายามช่วยฟ้าระดากลับโลกของเธอ 

ศราจึงขอ ก้อนน้ำแข็งอมตะจากฟ้าระดา 
และเอาก้อยน้ำแข็งอมตะแตะลงบนทรายดูดสีเขียวมรกต 
ทรายดูดก็กลายเป็นน้ำแข็งสีมรกต 
ทั้งสามจึงเอาของวิเศษทั้งห้า ไปวางบนแท่นหินทั้ง 5 ทิศ 
เกิดลำแสงของสิ่งวิเศษสะท้อนเข้าหากันเอง 
มีลักษณะลำแสงเป็นรูปดาวห้าแฉก 
และมีลำแสงจากตรงกลางรูปดาว พุ่งขึ้นไปบนช่องยอดเขา 
ทิวากาญจน์และศรา จึงให้ฟ้าระดาเข้าไปในเขตลำแสง 
ทั้งสามก็ร่ำลากัน 
และเกิดแสงสว่างวูบเดียวทั่วทั้งถ้ำมรกต 
ฟ้าระดายังคงอยู่ แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ 
มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งลอยลงมาจากช่องยอดเขา 
ตกลงมายังกึ่งกลางแท่นทั้ง 5 
ร่างของชายคนนั้นกระแทกกับน้ำแข็งมรกต 
ก็เกิดรอยร้าว ทำให้ชายคนนั้นตกลงไปในรอยแยกของน้ำแข็ง 

แต่มีแสงประกายสีเขียวเรืองขึ้นมา 
พญานาค นำตัวชายคนนั้นขึ้นมา 
และได้แปลงกายเป็นมนุษย์ 
ทั้งยังบอกให้ทั้งสามคน 
ดูแลชายหนุ่มคนนี้ให้ดี 
ทั้งสามยังตะลึงกับภาพข้างหน้า และได้ผงกหัวรับคำ 
พญานาคจึงคืนร่างเดิม 
และกลับสู่รอยแยกของน้ำแข็ง 
และรอยแยกนั้นก็กลับสู่สภาพเดิม 

ศรา จึงเอาตัวชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมายังปากถ้ำ 
และพยายามทำให้เขาตื่น ก็ไม่เป็นผล 
ฟ้าระดากลับไปเอาของวิเศษ 
แต่กลับไม่เห็นของวิเศษที่ว่านั้น 
เมื่อฟ้าระดาสำรวจดู จึงพบว่าของวิเศษเหล่านั้นกลับกลายเป็นลูกปัดเช่นเดิม 
นางก็เก็บเอาลูกปัดนั้นไว้กับตน 

ศรา และ ทิวากาญจน์ แบกชายหนุ่มกลับไปยังห้องของพวกเขา 
ฟ้าระดาก็ได้แต่สงสัยว่า 
ชายคนนั้นจะมาจากโลกเดียวกันกับตัวเองไหม 
นางก็ได้แต่เก็บคำนี้ไว้ 

เมื่อถึงเวลาเช้า 
ศรา และ ทิวากาญจน์ ก็ต้องตกใจ 
เมื่อชายคนนั้นกลายเป็นไข่ใบใหญ่ 
ฟ้าระดาโผล่มาดู 
ก็รู้ว่าชายคนนั้นคงไม่ได้มาจากโลกเดียวกับตัวเอง 
ฟ้าระดาจึงบอกให้สองหนุ่มดูแลไข่ใบใหญ่นี้ดีๆ 
ตามคำบอกเล่าของพญานาค 

จนล่วงเข้าสู่เช้าวันที่สอง 
ไข่ก็ฟักออกมาเป็นคนธรรมดา 
อายุก็ราวๆกับพวกเขาทั้งสาม 
ทิวากาญจน์ ศรา และฟ้าระดา 
จึงระดมยิงคำถามกับชายคนนั้น 
เขาก็ได้แต่พูดว่า ไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง ทุกคำ 
แต่จำชื่อของตัวเองได้ว่า อีรอส 

เมื่อทั้งสามถามคำถามแล้วอีรอสไม่อาจจะตอบได้ 
ทำให้อีรอสเครียด กระวนกระวาย จนเกิดอาการปวดหลัง 
และแล้วอาการปวดนั้นก็ค่อยๆหายไป 
แต่กลับมีสิ่งประหลาดเกิดขึ้น 
เมื่ออีรอสหายปวดหลังแล้ว 
กลับมีปีกงอกออกมาจากข้างหลัง 
ทิวากาญจน์ ศรา และฟ้าระดา แปลกใจมาก 
เมื่อปีกของอีรอสงอกออกมา อีรอสก็ทะยานขึ้นฟ้า กางปีกบินอย่างชำนาญ 

จันทราเอง นางก็เอาแต่ห่วงดารา 
จนกระทั่งถูกดารายุยงให้ทำในสิ่งที่เลวร้าย 
ด้วยการคุมจิตของจันทรา ให้ไปนอนกับทิวากาญจน์ 
แต่ดาราหารู้ไม่ว่า ภายในห้องของทิวากาญจน์ยังมี ศรา และ อีรอส 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น