ลิขิตเทวะ ตอนที่ 14

ทุกเส้นทางของชะตากรรม 

ล้วนต้องฝ่าฟันอุปสรรค ให้ไปถึงจุดสุดท้ายของชะตา 

การจะฝ่าฟันอุปสรรคใดๆ อาจจะต้องแลกด้วยความเจ็บปวด 

ก็ต้องยอมรับ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว

จันทราที่ถูกดาราควบคุมสะกดจิต 

เดินตรงมาถึงหน้าห้องทิวากาญจน์ 

ค่อยๆแง้มประตูออก พบชายสามคนนอนอยู่ในห้อง 

ทันใดนั้น 

จันทรากลับโดนพลังบริสุทธิ์ของอีรอส 

แผ่กระจายมาถึงตัว 

มนต์ดำที่สะกดจิตจันทราจึงออกจากตัวนาง 

จันทราก็สลบหน้าห้องนั่น 

รุ่งเช้า 

ชายทั้งสาม ประหลาดใจเมื่อ 

เห็นจันทรานอนสลบอยู่หน้าห้อง 

ทิวากาญจน์จึงทำให้นางฟื้น 

เมื่อจันทราฟื้น นางตกใจที่เห็นทิวากาญจน์นั่งอยู่ใกล้ตน 

นางทำตัวเก้ๆกังๆ แล้วก็วิ่งกลับห้องไปเฉยๆ 

ชายหนุ่มทั้งสาม ก็แปลกใจในท่าทางของจันทรา 

เมื่อจันทรากลับมาถึงห้อง 

ก็ได้แต่ลำดับภาพความคิดของตน 

ว่าทำไมตนถึงได้ไปอยู่ในสภาพนั้น 

จันทราคิดไปคิดมา กระทั่งหลับไป 

ดาราเมื่อรู้ว่ามนต์ดำของตนถูกทำลาย 

กลับอาฆาตแค้นบุคคลนั้นมากขึ้น 

ซึ่งดาราก็สงสัยในตัวของฟ้าระดา 

ที่ดาราคิดว่าฟ้าระดาจะมาแย่งทิวากาญจน์ของจันทรา 

ดาราจึงได้พยาบาทฟ้าระดาเป็นพิเศษ 

ทิวากาญจน์ ศรา ฟ้าระดา และอีรอส 

ต่างก็วางแผนออกเดินทางจากเมืองบรรพตคีรีนครนี้ 

ได้ข้อตกลงออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า 

หลังจากนั้น ทั้งสี่คนก็คุยสัพเพเหระ รอเวลาออกเดินทาง 

ด้านชายฝั่งทะเล 

เรือใบลำหนึ่งแล่นมาถึงแผ่นดินใหญ่ 

อัคนี เภตรา ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินใหญ่อีกครั้ง 

พวกเขาเร่ร่อนไปเรื่อยๆ 

จนกระทั่งมาถึงเมือง บรรพตคีรีนคร 

อัคนีแปลกใจว่าทำไม คนเมืองนี้ยังไม่ตายกันหมด 

เภตราก็เกิดอาการปวดหัว 

ความทรงจำเดิมกำลังกลับมา 

อัคนีจึงทำท่าทีไปขอนางข้าหลวงอาศัย 

เพื่อทำการรักษาอาการเภตรา 

อัคนีเสียพลังในการซ่อนความทรงจำของเภตรามาก 

จนเหนื่อยล้า จึงออกมาเดินเล่นข้างนอก 

จนกระทั่ง ได้สัมผัสถึงมนต์ดำของดารา 

อัคนีจึงผลักประตูห้องนาง 

ดารากำลังฝึกคาถาอยู่ก็ตกใจ 

ดาราจึงถามไปว่า เป็นใครมาทำอะไร 

อัคนีเห็นว่านางมีความสามารถพอที่จะช่วยตนได้ 

จึงหว่านล้อมต่างๆนานา และดาราก็ยอมร่วมมือกับอัคนี 

อัคนีจึงปล่อยให้ดาราเรียนรู้ต่อไป 

และเดินเที่ยวชมความงดงามของขุนเขา 

อัคนี กลับได้เจอกลุ่มของทิวากาญจน์ 

ด้วยเห็นว่าพวกเขาอาจมีประโยชน์ในวันข้างหน้า 

จึงเข้าไปผูกมิตร 

แต่ไม่ช้า อัคนีกลับโดนพลังบริสุทธิ์ของอีรอส 

ที่ถูกปล่อยออกมาเอง ทั้งที่อีรอสทำตัวปกติ 

ทำให้อัคนีเริ่มกลับกลายร่างเดิม จนทนไม่ไหว 

จึงรีบวิ่งหนีออกมา 

อีรอส เห็นว่า อัคนีเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ 

จึงบอกให้อีกสามคนระวังตัวให้มาก 

ด้วยสัญชาตญาณของอีรอส 

ทำให้ทั้งสามคนเกิดวิตกว่าจะได้เจอกับภัยร้าย 

จันทรา เมื่อนางตื่นขึ้นมา ก็ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ 

ชมนก ชมดอกไม้ และร้องเพลงกล่อมธรรมชาติ 

เภตราที่นอนกลับอยู่ ได้ยินเสียงนางก็ตื่นขึ้นมา 

ตามหาที่มาของเสียงจนได้พบจันทรา 

จันทราตกใจที่เห็นเภตรา 

เพราะนางนึกว่าเภตราได้ตายไปตั้งแต่ตอนที่โดนทรมานจนตาย 

เภตราที่ความจำยังไม่กลับมา ก็กล่าวว่าตนเคยเห็นหน้าดารา 

แต่กลับจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ 

จันทราจึงปลอบประโลมเภตรา 

จนเภตราคิดไปเองว่า จันทรารักตน 

อัคนีวิ่งกลับมายังห้องของดารา 

พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น 

ดาราเห็นทีว่าต้องมีคนหนึ่งในนั้นทำลายมนต์ดำของตน 

ดาราจึงได้โอกาสแก้แค้น 

แต่ดาราก็ขออัคนีให้ไว้ชีวิตทิวากาญจน์ 

อัคนีบอกตามใจนาง 

เมื่อถึงเวลาค่ำ 

อัคนีและดาราเริ่มแผนการ 

ด้วยการสะกดจิตจันทรา และเภตรา 

บุกเข้าไปฆ่าเป้าหมาย 

ในขณะนั้น อีรอส และทิวากาญจน์ 

ออกไปดูความเรียบร้อยเพื่อออกเดินทางพรุ่งนี้ 

ศรา และ ฟ้าระดา 

ต่างก็ต่อสู้กันกับเภตราและจันทรา 

เมื่ออยู่ในสภาวะกดดัน 

ทำให้ฟ้าระดาเจ็บปวดที่ดวงตาข้างซ้าย 

มีแสงสีแดงออกมาจากดวงตาซ้ายนั่น 

และฟ้าระดายังมีอาการโกรธ 

ร่างของฟ้าระดาจึงกลับกลายเป็นหญิงสาวชุดแดง 

มีอาวุธคือกระบี่โลหิต 

ศรา ตกใจกับร่างของฟ้าระดา 

ฟ้าระดาได้ตวัดกระบี่โลหิตไปมาอย่างไม่รู้วิถีการใช้กระบี่โลหิต 

และได้พลาดเสียท่าให้ เภตราและจันทรา 

ศรา ทนเห็นสองปีศาจรุมฟ้าระดาไม่ไหว 

จึงได้กู่ร้องระบายโทสะ 

ทำให้ศรามีพละกำลังมากพอต้านปีศาจสองตัวนี้ได้ 

อัคนีและดาราเห็นท่าทีไม่ดี

จึงเอาตัวของเภตราและจันทราออกมา 

อัคนีและดาราจึงออกมาต่อกรกับฟ้าระดา และศรา 

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งต่อสู้ด้วยกำลัง 

และต่อสู้ด้วยวาจาถากถางกัน 

อีรอส และ ทิวากาญจน์ได้ยินเสียงต่อสู้กัน 

จึงรีบกลับเข้าเมือง 

เมื่ออีรอสเข้าเมืองมา เกิดความกลัว 

ทำให้พลังบริสุทธิ์ไม่แผ่กระจายออกมา 

ทิวากาญจน์เห็นเพื่อนสองคนกำลังเสียท่า 

จึงเข้าไปช่วย 

อีรอสที่ได้แค่เพียงมองอยู่ข้างนอก 

เพราะตนไม่มีพละกำลังในการต่อสู้ 

จึงได้แต่น้อยใจชีวิตตัวเอง