วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

ลิขิตเทวะ ตอนที่ 22



เช้าวันใหม่ของเมืองกนกนคร
อากาศเย็นแปลกกว่าปกติทุกวัน ไร้แสงแดด

หลังจากที่นางปีศาจดารา 
คร่าชีวิตแม่หม้ายไปแล้ว
ปีศาจดาราก็เร่งฝีเท้าเดินหนีจากกระท่อมหลังนั้น

ท่ามกลางป่าหลังเมือง 
เสียงของนกกล่อมให้หลงใหล
เสียงของลมกระทบใบไม้ 
ทำให้ยิ่งอยากอยู่ในป่านี้นานๆ
สายน้ำไหลสาดซ่าๆ อารมณ์เหมือนอยู่ในอากาศที่บริสุทธิ์

ปีศาจดารา เดินมาไกล 
จนถึงกระท่อมหลังหนึ่ง
พบสองผัวเมีย กำลังทำอาหารเช้า
ก็หวังว่าจะไปขอข้าวกิน
ไฉนเลยที่นางปีศาจจะขอข้าวกิน 
เพียงแค่อยากกินเลือด กินเนื้อ กินหัวใจของคน

เมื่อผู้เป็นผัวเดินออกจากบ้านเพื่อจะไปตักน้ำมาใช้
นางปีศาจเห็นเมียของชายคนนั้นอยู่คนเดียว ก็ลงมือทันที
ปีศาจดารา ก็ฝืนแปลงกายเป็นผู้ชายคนที่ไปตักน้ำ

เพียงแค่นางปีศาจแปลงกายเดินเข้าบ้าน
อสรา ผู้เป็นเมียก็ยกสำรับกับข้าวมาให้ผัวกิน
แต่ผัวที่แปลงกายมา ไม่กิน เพราะจะทำให้มนต์ดำคลาย
อสราก็ คะยั้นคะยอให้ผัวกินจน 
นางปีศาจต้องฝืนกลืนกิน
และแล้วมนต์ดำก็คลายไป 
นางปีศาจก็คืนร่างเดิม

อสรา ตกใจที่เห้นผัวของตนเปลี่ยนไปเป็นปีศาจ 
จึงร้องเรียกให้คนช่วย
แต่ไม่มีใครได้ยิน
นางปีศาจก็จัดการฆ่า อสรา ทันที
เลือดทุกหยดถูกสูบออกทุกหยด 
และเนื้อทุกส่วนก็หายไปอยู่ในท้องของนางปีศาจ
ปีศาจดาราอิ่มจนไม่เป็นอันไปไหน 
ก็หวังว่าจะกินเลือดเนื้อของผัวคนที่นางฆ่า

และแล้ว ชายคนที่ไปตักน้ำกลับมา
นางปีศาจก็แปลงกายเป็น อสรา
ผู้เป็นผัวเดินเข้ามาในบ้าน
เห็นเมียท่าทางเปลี่ยนไป
ปีศาจดารา พยายามจะฆ่าชายคนนั้น
แต่นางปีศาจต้องตกใจ 
เมื่อชายคนนั้นคือ อัคนี 
ผู้ที่เคยเดินทางร่วมกัน

เมื่ออัคนีรู้ว่า อสราคนนี้ไม่ใช่ตัวจริง
ก็จับนางปีศาจผูกด้วยบ่วงเชือกนิมิตร
จนกระทั่งมนต์ดำของนางปีศาจดาราคลายออก 
และคืนร่างเดิม
อัคนีถึงรู้ว่า อสรากลายเป็นอาหารของปีศาจดารา

ทั้งดารา และอัคนี ต่างก็ถกเถียงกันอย่างไม่ลดละ
นางปีศาจดาราก็กลัวว่า จะโดนอัคนีหลอกใช้
อัคนีก็กลัวว่า ปีศาจดาราจะรู้ความจริงทุกอย่างของตน
ทั้งสองก็ได้แต่ต่อล้อต่อเถียง 
ไม่ยอมแพ้กัน
จนกระทั่ง นางปีศาจระเบิดอารมณ์โกรธออกมา 
แม้แต่บ่วงเชือกนิมิตรก็หลุดออก
นางปีศาจระบายโทสะ 
จนเกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ 
จนอัคนีกระเด็นไปไกล

ในเมืองกนกนคร
เกิดแผ่นดินสั่นไหว 
ป้อมปราการแจ้งข่าวเข้าในตำหนักว่า 
มีระเบิดเกิดขึ้นหลังเมือง
สุวรรณราชจึงให้ทิวากาญจน์ไปสำรวจ
ทิวากาญจน์จึงชวนเพื่อนของตนไปด้วยกัน

เมื่อทั้งหกเดินทางไปถึงจุดระเบิด
ก็พบเพียงแค่ หลุมขนาดใหญ่ ไฟไหม้ป่าบางส่วน
ทั้งหมดจึงช่วยกันดับไฟที่ไหม้ป่า
เมื่อไฟทั้งหมดดับไปแล้ว
อีรอสก็โผบินขึ้นฟ้าสำรวจบริเวณรอบๆ 
ไม่เจอสิ่งแปลกๆใดให้สงสัย

ศราเดินไปกลางหลุมที่ระเบิด 
กลับเจอเพียงถุงผ้าใบหนึ่ง

นางปีศาจที่หลบหนีไป 
เผลอทิ้งถุงลูกปัดทั้งสองลูกไว้
เพราะไม่รู้ว่าถุงลูกปัดนั้น
ถูกหญิงหม้ายย้ายที่ซ่อน

ศราก็เปิดถุงผ้านั้นออก 
พลันทันที ก็มีลูกปัดลอยขึ้นท้องฟ้า
ลูกปัดสีแดง และลูกปัดสีขาว 
ก็วนรอบเป็นวงกลมและพุ่งเข้าเป้าหมาย
ลูกปัดเร้นลับเลือกที่จะอยู่กับอีรอส
ส่วนลูกปัดเตโชกลับลอยละลิ่วออกไปไกล 
และพุ่งเข้าร่งของอัคนีที่อยู่อีกฟากของป่า

ปีศาจดารา เห็นแสงสีแดงพุ่งเข้าร่างของอัคนี 
ก็คิดว่าเป็นพลังของลูกปัดที่ตนลืมไว้แน่
ด้วยพลังของลูกปัดเตโช 
แผลต่างๆของอัคนีก็หายไปทันทีเพียงแต่ยังไม่ฟื้น
ดาราก็ยิ่งคิดพยาบาทอัคนีมากขึ้น 
ก็คิดจะฆ่าอัคนี
แต่ก็ทำไม่ได้ 
เพราะปีศาจดารานั้นหลงรักอัคนี
จึงทำได้เพียงแค่ทิ้งอัคนีไว้ที่นั้น 
แล้วนางปีศาจก็เดินหนีจากไป 
หวังเพียงวันข้างหน้าอัคนีจะมีเหตุผลที่ดีมาอธิบายเรื่องราว

ฟ้าระดาที่มาจากลูกปัดทั้งห้า 
เมื่อลูกปัดทั้งหมดไม่ได้อยู่กับตน
หนทางที่ฟ้าระดาจะกลับบ้านก็หายไป

เภตราที่หวังจะได้พลังเพิ่มจากลูกปัดที่เหลือก็หมดหวังไปด้วย

อีรอสที่ได้รับพลังจากลูกปัดทำให้อีรอสหายตัวได้
เพื่อนๆก็นึกไปว่า อีรอสคงหายไปกับกาลเวลา
แต่ อีรอสยังอยู่ข้างๆพวกเขา
 เพียงแต่อีรอสยังไม่สามารถบังคับพลังนั้นได้
ทิวากาญจน์จึงพาเพื่อนๆเข้าเมืองเพื่อคิดหาทางตามหาอีรอส

เมื่อลูกปัดทั้งห้าได้เลือกผู้ใช้พลัง
ลูกปัดปฐพี เลือก ทิวากาญจน์
ลูกปัดธารา เลือก จันทรา
ลูกปัดมารุต เลือก ศรา
ลูกปัดเตโช เลือก อัคนี
ลูกปัดเร้นลับ เลือก อีรอส
พวกเขาทั้งห้าเกี่ยวข้องกันอย่างไร

ทางด้านของเมือง เอกนคร
เมื่อนรกาฬ หาหนทางแก้แค้นทิวากาญจน์ได้
ก็เตรียมเดินกองทัพไปยังเมืองกนกนคร
เหล่าทหารก็เตรียมเรือสำเภาง
ที่บรรจุคนได้ลำละหนึ่งพันคน ทั้งหมดสิบลำ

เมื่อถึงวันเคลื่อนกองทัพ
นายคุมเรือก็โบกธงให้ออกเรือได้
เรือสำเภาขนาดใหญ่ก็แล่นสู่ท้องทะเล
เป้าหมายของกองทัพ คือ เมืองกนกนคร

ด้านเมืองกนกนคร
ทิวากาญจน์ที่กำลังหาหนทางตามหาอีรอส
ตกกลางคืนอีรอสได้เข้าฝันเพื่อนๆทุกคน
เพื่อบอกว่า ตนยังอยู่ข้างๆ 
เพียงแต่ปรากฎตัวไม่ได้
เพราะควบคุมพลังไม่ได้ 
ไม่ต้องออกตามหาตน

พอรุ่งเช้าทุกคนก็มาเล่าความฝันให้กันฟัง
ทุกคนก็เชื่อในฝันนั้น
ในวันนั้นเอง ทิวากาญจน์ก็พาเพื่อน
เที่ยวรอบเมืองอย่างสนุกสนาน
มีเพียงแต่ศราที่ขอตัวกลับกระท่อมในป่า

เมื่อศรากลับมาถึงกระท่อม
ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้าน ในตอนนี้
แต่ มีจดหมายหนึ่งฉบับที่ถูกเขียนวางไว้หน้าโต๊ะ
ก็พบว่า หญิงหม้ายที่แล้วดูตัวเองนั้นได้สิ้นชีวิตลงแล้ว
พออารมณ์กลับมาเป็นปกติ
ก็จัดเตรียมส่งวิญญาณหญิงหม้ายแม่ของตน
เพียงแต่วิญญาณของหญิงหม้ายยังไม่ยอมจากไป
เพราะยังห่วงว่าศราจะไม่รู้เรื่องราวความจริงทุกอย่างของตน
พอศราทำการส่งวิญญาณเสร็จ 
ก็เข้าเมือง โดยมีแม่ตามเข้าเมืองไปด้วยและศราก็ไม่รู้ด้วยเช่นกัน

ตกกลางคืนของวันเดียวกันนั้นเอง
ทิวากาญจน์ได้จัดงานเลี้ยงรับเพื่อนๆที่เข้ามาอยู่ด้วยกัน
ทั้งทิวากาญจน์ ศรา ฟ้าระดา จันทรา เภตรา และอีรอส 
ต่างก็ได้ร่วมดื่มน้ำสาบานเป็นเพื่อนกันตลอดกาล
นับว่าเป็นวันสำคัญของพวกเขาทั้งหกคน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น