วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

ลิขิตเทวะ ตอนที่ 17



สองคนที่หายตัวไป หลังจากการต่อสู้ที่เมืองร้าง บรรพตคีรีนคร 
อัคนี และดารา ทั้งสองคนควบม้าหนีอย่างไร้จุดหมาย 
ระหกระเหเร่ร่อนไปเรื่อยๆ


กระทั่งทั้งสองคน เห็นแสงสีทองเรืองๆแต่ไกล 
คิดว่าอาจเป็นเมือง กนกนคร นครทองคำ 
อัคนีและดาราจึงเร่งควบม้าไปยังจุดหมายนั้นในทันที 
พอถึงหน้าประตูเมืองก็ถึงเวลาตะวันลับขอบฟ้า 
เป็นเวลาที่ประตูเมืองได้ปิดพอดี 
ทั้งสองคนจึงต้องอยู่นอกเมืองอีกหนึ่งคืน 

ดารา หญิงสาวใจกลับ 
ได้แต่ตัดพ้อตนเองที่เลือกเดินทางสายมนต์ดำ 
อัคนี จึงพูดเอาใจดารา เพื่อใช้นางเป็นเครื่องมือ 
ดาราเข้าใจถึงความหวังดีของอัคนี จึงไม่คิดมาก 
แต่อย่างไร อัคนี ก็กลับเข้ามาเรื่องแก้แค้น 
บ่นแต่จะต้องแก้แค้นให้ได้ 
และยังเร้าให้ดาราช่วยแก้แค้นด้วย 
ดารา สาวที่ยังอ่อนต่อโลกก็ตอบตกลงยินดี 

พอถึงกลางดึก วันนี้เป็นคืนเดือนมืด 
ไร้พระจันทร์ ไร้ดวงดาว 
ระหว่างที่อัคนี และดารานอนหลับอยู่ในบ้านร้างนอกเมือง 
พลันมีแสงสีแดง และแสงสีขาว 
ล่องลอยอยู่รอบๆบ้านหลังนั้น 
เป็นแสงสว่างพอที่สังเกตได้ 

นายทหาร ผู้เฝ้ายามบนป้อมปราการสูงในเมืองกนกนคร 
มองเห็นแสงสีแดง และแสงสีขาวนั้นด้วย 
ก็ตกใจคิดไปเองว่า นั่นคือ ผี !!! 
นายทหารคนนั้น ก็สั่นไปทั้งตัว เพราะกลัวผี 
จนไม่กล้าออกไปไหน 

กระทั่งตะวันโผล่ขอบฟ้าอีกครั้ง 
นายทหารคนนั้น รีบออกยาม ให้คนอื่นมาเฝ้าแทน 
ทหารที่มาเปลี่ยนเวรเห็นเพื่อนมีอาการแปลกๆ 
จึงได้สกิดเพื่อนคนนั้น
 จนเผลอตกป้อมปราการด้วยกันทั้งสองคน 
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็บอกว่า 
ลางร้ายได้มาถึงเมืองกนกนครนี้แล้ว 
และข่าวนี้ก็ได้ยินไปถึงหูของสุวรรณราชจนได้ 
สุวรรณราชจึงให้โหรหลวงทำนายชะตาบ้านเมือง 
ก็ได้ผลเช่นข่าวลือนั้น 

เมื่อ ดารา ตื่นนอนกลับไม่พบ อัคนี 
จึงออกตามหาตัวอัคนี 
แต่ อัคนี กำลังย่างปลาอยู่หน้าบ้าน 
ดาราจึงโล่งอกที่ยังมีเพื่อนร่วมทาง 
เมื่ออัคนีย่างปลาเสร็จ ก็แบ่งมาให้ดาราทานด้วย 
ทั้งสองก็คิดหาหนทางต่อไปว่า 
จะเข้าเมืองกนกนครนี้หลังกินปลาเสร็จ 

ประตูเมืองในยามเช้าก็เปิดรับพ่อค้าตามปกติ 
เมื่อนายทวารเมืองเห็นอัคนี และดารา 
จึงสั่งทหาร เข้าไปจับกุมทั้งสองคน 
การแต่งตัวของอัคนี และดารา 
ไม่เหมือนคนในเมืองใกล้เคียงแถบนี้ 
จึงเป็นที่สะดุดตาได้ง่าย

นายทวารจึงนำตัวคนต่างถิ่นสองคน
ไปให้นายกรมเมืองตัดสิน 
นายกรมเมืองก็ตัดสินไม่ได้ว่าอัคนีและดารานั้น 
มีจุดประสงค์ดีหรือร้าย 
จึงได้นำตัวไปยังลานกลางเมือง 
รอสุวรรณราชออกว่างานราษฎร 

เมื่อสุวรรณราชออกว่างานราษฎร 
ก็ได้ถามคนต่างถิ่นทั้งสองว่ามาทำอะไรแถบนี้ 
อัคนีพอจะรู้ว่าสุวรรณราชคือ บิดาของทิวากาญจน์ 
อัคนีจึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นว่า 
ทิวากาญจน์ได้สร้างกองทัพบุกเมืองบรรพตคีรีนคร 
และฆ่าชาวบ้านทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่เจ้าเมือง 
มีรอดได้ก็สามคน 
ดาราก็เสริมเข้าไปอีกว่าคนที่หายไปคือ
จันทราเจ้าหญิงเมืองบรรพตคีรีนคร
ถูกทิวากาญจน์ลักพาตัวไปด้วย 

อัคนีจึงแสร้งทำเป็นขอความช่วยเหลือ 
แต่กลับถูกต้อนรับด้วยการจับกุมเช่นนี้ 
สุวรรณราชเห็นใจจึงสั่งทหารปล่อยดารา และอัคนี 
และสุวรรณราชยังสั่งนางวังจัดที่พักให้ดาราและอัคนี 

ตกดึกในวันนี้ 
ด้วยการที่ดาราเรียนมนต์ดำมา 
นางจะต้องดื่มเลือดสดๆรักษาคาถาอาคมไว้ 
ดาราจึงออกหาเลือด 
กระทั่งได้ยินเสียงเด็กร้อง 
ดาราจึงบุกเข้าบ้านนั้นทันที จัดการสูบเลือดของคนในบ้านนั้นทั้งหมด 
บ้านเล็กๆหลังนี้ที่มีเพียงพ่อแม่ลูก 
ก็ไร้ความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต 

ข่าวการตายของสามพ่อแม่ลูก
ก็ลือกันหนาหูเป็นลางร้ายอีกเช่นเคย 
แต่ก็ยังหาทางแก้ไม่ได้ 
และทุกๆคืนบ้านแต่ละหลังก็เริ่มไร้เสียง ไร้สิ่งมีชีวิต 
ยิ่งนานวันยิ่งมีคนตายมากขึ้น 
อัคนีก็รู้ว่าเป็นฝีมือของดารา จึงเก็บความลับนี้ไว้ 

นานวันก็ยิ่งมีแต่คนตาย 
สุวรรณราชจึงออกราชโองการเสาะหาหมอผีปราบปีศาจตัวนี้ 
อัคนี เป็นห่วงดารา จึงมาแจ้งข่าวนี้กับดารา 
และบอกดาราว่าตนรู้เรื่องทั้งหมด 
ดารา ตกใจที่มีคนรู้ นางก็พยายามที่จะฆ่าตัวตาย 
แต่อัคนีก็ห้ามดาราตลอด 
ทั้งสองหารู้ไม่ว่า หน้าต่างมีหู ประตูมีตา 
นางกนกมาศ ชายาสุวรรณราชเผอิญมาได้ยินเข้า 
จึงนำเรื่องไปบอกสุวรรณราช 

นางกนกมาศ บอกเรื่องที่ตนได้ยินมาให้กับสุวรรณราช 
สุวรรณราชก็ใช้แผนซ้อนจัดฉากจับตัวปีศาจ 

คืนวันถัดมา 
ดาราก็ออกมาหาสูบเลือดตามปกติ 
มีบ้านหลังหนึ่งเปิดประตูทิ้งไว้ ดาราก็ไม่ได้เอะใจอะไร 
ดาราก็วิ่งเข้าบ้านหลังนั้น 
หวังจะทำกิจของตนให้เสร็จเร็วๆ 

เมื่อดาราเข้าไปในบ้าน 
ดาราก็ต้องแปลกใจเพราะไม่มีใครอยู่ในบ้าน 
พอดาราจะออกจากบ้าน กลับมีลมพัดประตูปิดขวางทางนาง 
หมอผีได้ลงอาคมกำกับป้ายยันต์แปะไว้รอบบ้าน 
ดาราโดนขังอยู่ในบ้านนั้น ทั้งหิว ทั้งกระวนกระวาย 
หมอผีกำชับว่า 
ห้ามใครแกะป้ายยันต์ตัวใดตัวหนึ่งออก 
เพราะปีศาจจะออกมาได้ 
สุวรรณราชพอใจในผลงานของหมอผีผู้นี้มาก 
พร้อมจะตบรางวัลให้อย่างงาม 

ผ่านไปหกวัน 
อัคนี ไม่เห็นดารานานหลายวันจึงจะออกตามหานาง 
เป็นจังหวะที่สุวรรณราชเข้ามาหาอัคนีพอดี 
สุวรรณราชจึงถามหาดารา 
อัคนีก็ได้แต่ตอบบ่ายเบี่ยง 
สุวรรณราชก็ยังคงถามเหมือนเดิม 

อัคนี นึกในใจว่า สุวรรณราชคงคิดว่าดาราเป็นปีศาจ 
จึงคิดจะมาจับตน เพราะตนอาจจะเป็นปีศาจอีกตัว 
สุวรรณราช เห็นท่าทีไม่ดีของอัคนี 
พอจะจับพิรุธได้ว่า ใครโกหกกันแน่ 
อัคนี จนมุมทุกหนทาง 
สุวรรณราชสั่งทหารเข้าจับตัวอัคนี 
แต่อัคนีก็หลบหนีออกจากเมืองจนได้ 
สุวรรณราชจึงติดประกาศจับอัคนีทั่วเมือง และเมืองเขตนอก 

ดาราที่ถูกขังในบ้านลงอาคม 
เมื่อไม่ได้ดื่มเลือด 
สภาพนางก็ยิ่งเหมือนปีศาจขึ้นทุกที 
กายที่ผอมซีดหนังติดกระดูก ผมหงอกขาวโพลนทั้งหัว 
ใบหูยาวขึ้น หน้าตาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน 

ใครที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณบ้านลงอาคมนั้น ก็ต้องกลัวตามๆกันไป 
กลางวัน จะได้ยินเสียงท่องมนต์คาถา เสียงสัตว์ป่าต่างๆ 
กลางคืน จะได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงโหยหวนของนาง 
แต่แล้ววันหนึ่ง 
มีคนใจดีแอบเอาถุงเลือดสดและหัวใจสดๆ
มาทิ้งไว้ให้นางตอนกลางคืน 
นางกลับไม่รู้ว่าเลือดที่นางดื่มคือเลือดสัตว์ปีกพวกเป็ดไก่ 
และหัวใจสดๆนั้นก็คือหัวใจม้า 
ทันทีที่นางกินของพวกนั้นหมด 
นางก็กลายเป็นปีศาจที่มีกำลังมากขึ้น 
แต่นางก็ไม่มีฤทธิ์พอที่จะทำลายมนต์ที่ขังนางได้ 

เช้าวันต่อมา 
นางปีศาจดารากลายร่างเป็นมนุษย์สาวสวย 
นางก็ได้แต่ตัดพ้อต่อว่าตัวเอง คิดแต่จะฆ่าตัวตาย แต่ก็ทำไม่สำเร็จ 
และแล้วทิวากาญจน์ก็ควบม้าเข้ามายังเมืองกนกนคร 
ทุกคนต่างก็ต้อนรับเป็นอย่างดี 
แม้กระทั่งสุวรรณราช นางกนกมาศ ก็ต้อนรับลูกตัวเองอย่างดี 
แต่หารู้ไม่ว่าทิวากาญจน์คนนี้คือ อัคนีแปลงกายมา 



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น