วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

ลิขิตเทวะ ตอนที่ 15



หนึ่งแรง หรือจะสู้ร่วมแรงกัน ฝ่าฟันอุปสรรค 
เพียงแค่ร่วมแรงกัน มีจุดหมายเดียวกัน 
ผลักดันอุปสรรคนั้นออกไป เราก็ทำได้เพราะความสามัคคี 


เหตุการณ์ชลมุนวุ่นวาย 
ทิวากาญจน์ ศรา ฟ้าระดา กำลังรับมืออัคนีกับดารา 
อีรอส ไม่รู้จักการต่อสู้ ก็ได้แต่มองเพื่อน สู้รบกับปีศาจ 
อีรอสจึงได้แต่น้อยใจที่ช่วยเพื่อนไม่ได้ 
ทำให้พลังบริสุทธิ์ของอีรอส ถดถอยลงเรื่อยๆ 
กลับกลายเป็นพลังมืดครอบงำแทนที่ 

อีรอส ตัดสินใจเข้าไปช่วยเพื่อน 
ปีกสีขาวแต่เดิม ตอนนี้กลายเป็นสีหม่นๆ 
อีรอสกระพือปีกสร้างลมพายุ 
พัดอัคนี และดารา ออกไปไกลจากเพื่อนทั้งสาม 
อีรอสในตอนนี้ อารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น 
จึงได้บุกเดี่ยวเข้าไปหาอัคนีและดารา 
ต่อสู้กันอยู่นาน อัคนีจึงรู้ว่าอีรอสถูกมนต์ดำเข้าแทรก 
อัคนีคิดจะฆ่าอีรอสในทันที 
ฟ้าระดาร่างแดงจึงเข้ามาขวางอัคนี 

อัคนีจึงใช้ดารามาจัดการฟ้าระดา 
อีรอสที่เสียท่าให้อัคนี 
สุดท้ายก็โดนอัคนีจับมัดด้วยบ่วงอสูรา 

ฟ้าระดาที่มีกำลังเหนือกว่าดารา 
อัคนีคิดว่าอย่างไรเสียอีรอสคงไม่รอดจากบ่วงอสูรานี่ได้ 
จึงเข้าไปบุกจับฟ้าระดาด้านหลัง 
ทิวากาญจน์ และศรา ที่เสียกำลังไปพอสมควร คิดจะสู้ต่อ 
แต่สภาพกำลังตอนนี้ไม่ไหวที่จะสู้ 
จึงได้ตัดสินใจ สู้ ตายเป็นตาย 

ฟ้าระดาร่างแดง เมื่อถูกบ่วงอสูรา 
ทำให้กลับคืนร่างเดิม 
ต้องทนเห็นทิวากาญจน์และศราโดนทำร้าย 
นางก็ร้องไห้เพราะสงสารทั้งสองคน 
อารมณ์ของฟ้าระดาทำให้นางเจ็บปวดตาข้างขวา 
และมีแสงประกายสีน้ำเงิน 
ฟ้าระดาจึงกลายร่างเป็นกายที่มีสีน้ำเงิน 

จันทรา และ เภตรา 
เพิ่งฟื้นจากการถูกมนต์ดำครอบงำ 
ได้เห็นภาพการต่อสู้กันถึงกับตกใจ 
จันทราเมื่อห็นดารา ก็วิ่งเข้าไปห้าม 
แต่กลับถูกดาราผลักออกไป
 เภตราจึงเข้าไปรับตัวจันทรา 
ดาราที่แอบชอบเภตราอยู่ด้วยแล้ว 
เมื่อนางเห็นเภตรากอดจันทรา นางก็ยิ่งโกรธ 
ดาราจึงเข้าไปดึงตัวจันทราออกมา 
ด้วยความโกรธ ดาราจึงได้ใช้พลังผลักเภตรา 
จนเภตราหัวกระแทกกับก้อนหินใหญ่ เลือดไหลอาบศีรษะ 

ฟ้าระดาร่างน้ำเงิน เห็นแสงสว่างจากกระเป๋า จึงเปิดออกดู 
ลูกปัดทั้ง 5 สี ลอยขึ้นบนท้องฟ้า 
อัคนี ก็ยังลงมือลงเท้ากับทิวากาญจน์และศราต่อไป 
จนทิวากาญจน์และศราเกือบจะหมดลมหายใจ 
ลูกปัดปฐพี ที่ลอยอยู่บนฟ้า 
กลับพุ่งเข้าร่างของทิวากาญจน์ 
ลูกปัดมารุตก็เข้าร่างของศรา เช่นเดียวกัน 
ทั้งทิวากาญจน์และศราจึงมีพละกำลังสู้อัคนีอีกครั้ง 
ทำให้อัคนีเสียท่า 

ดาราจึงได้เข้ามาช่วยอัคนี 
แต่พลังของดาราและอัคนีเริ่มลดลงเรื่อยๆ 
ดาราเห็นว่าสู้ต่อไปคงต้องแพ้แน่ 
จึงได้ขโมยเอาลูกปัดเตโชกับลูกปัดเร้นลับไป 
และพาอัคนีหนีออกจากเมืองในทันที 

ฟ้าระดาเห็นดาราขโมยลูกปัดไปสองเม็ด ก็เสียใจมาก 
คิดว่าตนคงจะกลับโลกตัวเองไม่ได้อีกแล้ว 
แต่ยังมีลูกปัดธารา ยังคงลอยอยู่บนฟ้า 

เมื่ออัคนีและดาราหนีไป 
มนต์ทั้งหลายก็เริ่มคลาย 
อีรอสก็อ่อนล้า เป็นลมไป 
ฟ้าระดาก็กลับสู่ร่างเดิม 
ทิวากาญจน์และศรา 
มีอาการปกติเพราะมีลูกปัดในร่างกายช่วยสมานแผล 

จันทรา เข้าไปโอบเภตราที่ศีรษะกระแทกหินจนเลือดอาบ 
จันทรา นางก็ได้แต่ร้องไห้ คิดว่าเป็นความผิดของตน 
น้ำตาของจันทราหยดลงบนใบหน้าเภตรา 
ทันใดนั้นลูกปัดธาราก็ได้เลือกจันทรา 
ทันทีที่ลูกปัดธาราเข้าร่างจันทรา 
หยดน้ำตาของนางก็ทำให้เภตราฟื้นขึ้นมา 
จันทราดีใจมากที่เภตราฟื้น 
และเภตราก็กลับคืนความทรงจำเดิม 
ทั้งสองจึงได้ปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง 

ฟ้าระดาเองก็นึกเสียใจที่ลูกปัดหายไปหมดทั้ง 5 เม็ด 
ศรารู้ว่าฟ้าระดาเสียใจที่ลูกปัดหายไป จึงเข้ามาปลอบนาง 

ทิวากาญจน์ นำตัวอีรอสเข้าไปรักษาในห้อง 
จันทราจึงได้มอบน้ำตาคงคาให้ทิวากาญจน์ใช้กับอีรอส 
อีรอสจึงฟื้นกลับมาเป็นปกติ 

หากแต่เรื่องร้ายยังไม่จบเพียงแค่นี้ 
ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน 
รอรุ่งเช้าจึงมาตกลงเรื่องราวกันอีกที 

พอถึงเวลาเช้า 
ฟ้าระดาและเภตราจึงขอออกเดินทางด้วย 
ทิวากาญจน์จึงขอตัวออกไ
ปตรวจสัมภาระนอกเมือง 
แต่กลับไม่พบสัมภาระใดๆเหลือ 
เพราะอัคนีและดาราได้ขโมยไป 

อีรอสจึงเสนอความคิดให้ทุกคนเดินทางอย่างไม่ต้องกังวล 
อีรอสเรียกอินทรียักษ์มาสามตัว 
ทั้งหกคนจึงขึ้นบนหลังอินทรียักษ์ 

อีรอสบินนำหน้านกอินทรียักษ์ทั้งสามตัว 
ทิวากาญจน์คอยคุมเพื่อนๆข้างหลัง 
ศรานั่งบนหลังอินทรียักษ์กับฟ้าระดา 
จันทราและเภตราก็นั่งบนหลังอินทรียักษ์ 
และได้คุยกันธรรมดาหญิงชาย จนเพื่อนๆหยอกล้อกัน 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น